Rhinitis medicamentosa อันตรายจากการใช้ยาพ่นลดอาการคัดแน่นจมูก
Rhinitis Medicamentosa
อันตรายจากการใช้ยาพ่นลดอาการคัดแน่นจมูกเรื้อรัง
หลายคนๆที่มีอาการหวัด ไซนัสอักเสบ และโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ เมื่อมีอาการคัดแน่นจมูกมาก แพทย์มักสั่งจ่ายยาหยอดจมูกเพื่อบรรเทาอาการ ยาหยอดเหล่านี้จะมี ประสิทธิภาพสูงในการบรรเทาอาการคัดแน่นจมูก ทำให้อาการดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม American Academy of Allergy, Asthma and Immunology (AAAAI) แนะนำว่าไม่ควรใช้ยาหยอดจมูกเหล่านี้ติดต่อกันนานเกิน 3-5 วัน ซึ่งคนส่วนใหญ่มักไม่ทราบข้อเท็จจริงนี้ ทำให้ใช้ผิดวิธี ใช้บ่อยเกินไป จนอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคจมูกอักเสบเมดิคาเมนโตซ่า (Rhinitis medicamentosa) ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดจากการใช้ยาหยอดจมูกเพื่อขจัดอาการคัดจมูกเฉพาะที่มากเกินไป จนทำให้เกิดการคัดแน่นจมูกแบบรีบาวน์ (rebound congestion)
ชื่อยาหยอดจมูกที่มีแพทย์มักสั่งบ่อยๆ มีจำหน่ายตามเคาน์เตอร์ยา เช่น Otrivin, Xylomist, Nasivion เป็นต้น
ยาเหล่านี้สร้างความเสียหายได้อย่างไร
พยาธิสภาพเยื่อบุจมูกมีระบบหลอดเลือด ซึ่งถูกควบคุมโดยตัวรับอัลฟ่า 1 และ 2 เมื่อมีการติดเชื้อ /ภูมิแพ้/การอักเสบใดๆ เนื้อเยื่อในจมูกจะบวมขึ้น จากการไหลเวียนของเลือดที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีอาการคัดจมูกมากขึ้น ยาหยอดจมูกเหล่านี้จะทำหน้าที่กระตุ้นตัวรับอัลฟ่า 1และ2 ทำให้หลอดเลือดหดตัว เยื่อบุจมูกจึงลดบวมลง แต่การใช้ยาแก้คัดจมูกเหล่านี้มากเกินไป เช่น ใช้หยดนานกว่า 5 วันติดต่อกัน อาจทำให้เกิดภาวะดื้อต่อยา หรือ "rebound congestion"
เราจะสามารถทราบได้อย่างไรว่าเป็นโรคนี้
• รู้สึกแน่นหลังจากใช้สเปรย์ฉีดจมูกไม่นาน
• ใช้สเปรย์เพียงเพื่อให้หายใจได้ตามปกติในระหว่างวัน
• มีความรู้สึกอยากใช้สเปรย์/หยดมากกว่าที่แพทย์แนะนำ
• รู้สึกว่าสเปรย์ระงับความรู้สึกทำงานได้ไม่ดีพอแม้จะใช้หลายครั้งในหนึ่งวัน
(การวินิจฉัยส่วนใหญ่ทำมาจากประวัติผู้ป่วยและการตรวจจมูก ไม่มีการทดสอบเฉพาะเพื่อวินิจฉัยภาวะนี้)
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ยาที่นานเกินไป ทำให้การรักษายุ่งยากซับซ้อนขึ้น
1. Turbinate hyperplasia (ภาวะบวมถาวรของเนื้อเยื่อจมูก)
2. ไซนัสอักเสบเรื้อรัง
3. โรคจมูกอักเสบตีบ
4. ผนังกั้นโพรงจมูกทะลุ
นอกจากนี้ยาเหล่านี้ยังอาจไปเพิ่มความดันโลหิตจากการหดตัวของหลอดเลือด จึงควรระมัดระวังการใช้ในผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง และยังมีข้อมูลไม่มากนักในมารดาที่ตั้งครรภ์และให้นมบุตร อย่างไรก็ตาม แนะนำให้จำกัดการใช้งานให้น้อยกว่า 5 วันเสมอ
การรักษาโรคจมูกอักเสบเมดิคาเมนโตซ่า
1. หยุดใช้ยาหยอดหรือพ่นแก้คัดจมูก
2. การรับประทานยาสเตียรอยด์ระยะสั้นจะช่วยให้อาการดีขึ้นได้
3. ให้ยาแก้แพ้ชนิดรับประทาน ร่วมกับยาสเตียรอยด์พ่นจมูก
การรักษาอาจใช้เวลาเป็นปีจึงจะสามารถฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ในกรณีที่เป็นรุนแรง และสามารถเกิดขึ้นซ้ำได้แม้ใช้ยาหยอดซ้ำในระยะสั้น หากอาการไม่ดีขึ้นหรือเป็นถาวร แนะนำการผ่าตัดเพื่อลดขนาดของเนื้อเยื่อบุโพรงจมูกที่บวม (hypertrophic turbinates) ด้วยวิธีต่างๆ เช่น คลื่นวิทยุ หรือ เลเซอร์ (Laser turbinoplasty) เป็นต้น
การรักษาโรคภูมิแพ้คัดจมูกด้วย Hybrid laser turbinoplasty
วิธีรักษาภูมิแพ้ด้วยไฮบริดเลเซอร์ คือ การใช้แสงเลเซอร์ไปทำให้เยื่อบุโพรงจมูกที่บวมโต (hypertrophic inferior turbinate) ยุบบวมลงโดยทำให้เกิดพังผืด (fibrosis) ในชั้นใต้เยื่อบุ (submucosa) ทำให้ลดอาการคัดแน่นจมูก ตลอดจนลดภาวะการทำงานไวเกิน (hypersensitivity) ของเส้นประสาท anterior ethmoidal nerve และทำให้ลดการบวมของเยื่อบุโพรงจมูก ลดการหลั่งน้ำมูก ช่วยแก้ภูมิแพ้ของจมูกให้บรรเทาลงได้นานนับปี
ข้อดีของการรักษาโรคภูมิแพ้คัดจมูกด้วย HYBRID LASER
วิธีรักษาภูมิแพ้ด้วยไฮบริดเลเซอร์ทำได้สะดวก ประหยัด สามารถทำได้ภายในห้องตรวจแพทย์ โดยใช้ยาชาเฉพาะที่ ใช้เวลาในการรักษาประมาณ 30-45 นาที ผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้ไม่ต้องนอนพัก หลังการรักษาอาการบวม คัดแน่นจมูกยังคงมีอยู่ประมาณ 3-5 วัน หลังจากนั้นอาการคัดแน่นจมูกจะทุเลาลงไปได้มาก สามารถลดอาการคัดแน่นจมูกและการหลั่งของน้ำมูกได้นานนับปี
สนใจสามารถปรึกษาและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Tel : 080-619-2493 / Line : @aestique99 / Facebook : aestique99
Comments