ข้อเปรียบเทียบระหว่างการตัดต่อมทอนซิลแบบดั้งเดิมและการผ่าตัดต่อมทอนซิลแบบสมัยใหม่
เนื่องจากปัจจุบันนี้ มีผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคของต่อมทอนซิล รวมถึงญาติของผู้ป่วยจำนวนมาก ได้มาปรึกษา รวมทั้งติดต่อทาง Website, Call Center และสื่อสารอื่นๆ ถึงข้อดี-ข้อเสียของการตัดต่อมทอนซิลแบบดั้งเดิม และการผ่าตัดต่อมทอนซิลแบบสมัยใหม่ด้วย CO2 LASER จึงขอให้ข้อมูลแก่ท่านที่สนใจดังต่อไปนี้
การตัดต่อมทอนซิลนั้นเป็นการการผ่าตัดที่ทำกันมานานนับพันปีแล้ว เรียกกันว่า Traditional Tonsillectomy เป็นการผ่าตัดแบบดั้งเดิม โดยตัดเอาต่อมทอนซิลออกไปทั้งหมด ในกรณีนี้เป็นการตัดเอาเปลือกนอกของทอนซิล (Tonsil Capsule) ออกไปด้วย การตัดทอนซิลออกนั้นสามารถเลือกใช้เครื่องมือได้หลายอย่าง อาทิเช่น เครื่องมือแพทย์ที่เรียกว่า กิโยตีน (guillotine คือ เครื่องประหารชีวิตที่ใช้ตัดหัว ตัดคอนักโทษ), ลวดรัด (snaring), มีด, กรรไกร หรืออาจใช้เครื่องจี้ไฟฟ้า, เครื่องจี้คลื่นวิทยุ (RF) และการใช้ CO2 LASER กล่าวโดยสรุป คือ เป็นการตัดเอาต่อมทอนซิลรวมทั้งเปลือกหุ้มของต่อมทอนซิล (Tonsil Capsule) ออกไปทั้งหมด
แต่ในปัจจุบันเป็นที่ทราบกันว่า ต่อมทอนซิลเป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน เป็นปราการด่านแรกในการต่อต้านเชื้อโรคที่จะเข้าสู่ร่ายกายผ่านทางลำคอ และจะทำหน้าที่ตลอดชีวิตแม้จะน้อยกว่าในวัยเด็กก็ตาม การตัดต่อมทอนซิลออกทั้งหมดนั้น ทำให้เกิดข้อเสีย 3 ประการใหญ่ๆ คือ
1. ผู้ป่วยเสียอวัยวะต่อมทอนซิล ที่ทำหน้าที่ดักจับเชื้อโรคไป
2. เปลือกนอกของต่อมทอนซิล คือ เนื้อเยื่อพังผืดด้านข้างลำคอที่เรียกว่า Pharyngo Basilar Fascia ที่หนาตัวขึ้น การตัดต่อมทอนซิลแบบดั้งเดิมนั้น ผู้ป่วยจะสูญเสียความแข็งแรงทางด้านข้างของลำคอไปด้วย เชื้อโรคจะสามารถเข้าสู่กล้ามเนื้อข้างลำคอโดยตรงผ่านทางเยื่อบุบางๆเท่านั้น สรุปคือ ผู้ป่วยสูญเสียผนังกั้น (Barrier) ที่แข็งแรงของลำคอไป
3. เปลือกหุ้มของต่อมทอนซิล (Tonsil Capsule) นั้น เป็นส่วนที่ให้ความแข็งแรงของโครงสร้างด้านข้างลำคอ การ ตัดต่อมทอนซิลแบบดั้งเดิม (Traditional Tonsillectomy) ได้ตัดเอาเปลือกหุ้มของต่อมทอนซิลออกไปด้วย จากการศึกษาพบว่า ในผู้ป่วยหลายรายที่ได้รับการตัดต่อมทอนซิลออกไปจะมีการสูญเสียของผนังค้ำยัน ด้านหน้าของช่องคอ (Anterior Pillar) ไป (Deficiency of Anterior Pillar) ดังรูป ทำให้เกิดการหย่อนคล้อยของลิ้นไก่และเพดานอ่อนไปชิดผนังด้านหลังของลำคอ ทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสเกิดอาการนอนกรน และภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้ในภายหน้ามากกว่าคนปกติ
นับตั้งแต่คริสต์ศักราช 2000 เป็นต้นมา ได้มีการพัฒนาเทคนิคการผ่าตัดต่อมทอนซิลแบบสมัยใหม่ขึ้น (Modern Tonsil Surgery) โดยศัลยแพทย์จะผ่าตัดเนื้อเยื่อต่อมทอนซิลที่เป็นปัญหาออกไป เช่น เนื้อเยื่อต่อมทอนซิลที่มีพยาธิสภาพ หรือส่วนของต่อมทอนซิลที่โตเกินขนาดจนไปอุดกั้นทางเดินหายใจ (โดยเฉพาะต่อมทอนซิลโตในเด็ก) คงเหลือเนื้อเยื่อต่อมทอนซิลที่ดีไว้ ให้ทำหน้าที่ของต่อมทอนซิลต่อไปได้ตลอดชีวิต ในการผ่าตัดนี้ เปลือกหุ้มของต่อมทอนซิล (Tonsil Capsule) ยังคงอยู่ หลังการผ่าตัดความแข็งแรงของด้านข้างลำคอ ผนังกั้น (Barrier) ยังคงอยู่ และความแข็งแรง ของโครงสร้างของช่องคอ (Oropharynx) ยังคงอยู่เหมือนเดิม
ปัจจุบัน วารสารการแพทย์ หู คอ จมูก ของสหรัฐอเมริกา (The Laryngoscope; May 2013) ได้ลงบทความว่า การผ่าตัดตกแต่งต่อมทอนซิล ที่เรียกว่า Tonsilloplasty เป็นเทคนิคใหม่ของการผ่าตัดต่อมทอนซิล และเป็นทางเลือกใหม่ที่ดีให้กับผู้ป่วย
รูปที่ * ต่อมทอนซิลที่มีพยาธิสภาพ และโตเกินขนาดจนอุดกั้นทางเดินหายใจ
รูปที่ ** Deficiency of Anterior Pillar
รูปที่ *** Post OP CO2 LASER Tonsilloplasty
เปรียบเทียบ
รูปที่ * ก่อนการผ่าตัดต่อมทอนซิลที่มีพยาธิสภาพ และโตเกินขนาดจนอุดกั้นทางเดินหายใจ
รูปที่ ** หลังการตัดต่อมทอนซิลแบบดั้งเดิม Traditional Tonsilloplasty
รูปที่ *** หลังการผ่าตัดตกแต่งต่อมทอนซิลด้วยเลเซอร์ ที่เรียกว่า CO2 LASER Tonsilloplasty